กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

Escitalopram (เอสซิตาโลแพรม)

เผยแพร่ครั้งแรก 22 พ.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 2023 เวลาอ่านประมาณ 12 นาที

Escitalopram (เอสซิตาโลแพรม) เป็นยาในกลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitor (SSRIs) ที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ยานี้มีกลไกการออกฤทธิ์โดยช่วยเพิ่มระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนินในสมอง ทำให้สภาวะอารมณ์ของผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติ

Escitalopram ช่วยรักษาอาการของโรคซึมเศร้า เช่น อาการเบื่อหน่าย อ่อนเพลีย รู้สึกผิด รู้สึกไร้ค่า ขาดสมาธิ และยังใช้ในการรักษาภาวะวิตกกังวล เช่น อาการอยู่ไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หงุดหงิด ฉุนเฉียว เป็นต้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

คำเตือนในการใช้ยา Escitalopram

ยารักษาโรคซึมเศร้าหลายชนิดรวมทั้ง Escitalopram มีคำเตือนการใช้ยาที่สำคัญ คือ ตัวยาอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วยเกิดความคิดฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 24 ปี ที่ใช้ยานี้รักษาโรคซึมเศร้าและโรคความผิดปกติทางอารมณ์อื่นๆ ดังนั้น ระหว่างใช้ยานี้ แพทย์จะติดตามอาการและพฤติกรรมของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งผู้ป่วยที่มีอายุเกิน 24 ปีก็ตาม โดยในช่วงเริ่มต้นใช้ยาหรือในช่วงที่ปรับปริมาณการใช้ยานั้นจะยิ่งมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ควรมีดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในช่วง 1-2 เดือนแรกในการใช้ยา หากตัวผู้ป่วยเองหรือคนใกล้ชิดสังเกตพบความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก หรือพฤติกรรมที่ผิดปกติไป ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้ ผู้ป่วยวัยรุ่นช่วงอายุตั้งแต่ 12ปีขึ้นไป สามารถใช้ยา Escitalopram ได้ โดยต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด  และไม่แนะนำการใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพที่มีอยู่ ก่อนเริ่มใช้ยา Escitalopram โดยเฉพาะภาวะต่อไปนี้

  • มีภาวะโรคหัวใจกำเริบ หรือเคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน
  • เป็นโรคลมชัก
  • มีภาวะตับหรือไตทำงานบกพร่อง
  • มีภาวะไทรอยด์ผิดปกติ
  • มีแผนผ่าตัดหรือเข้ารับการทำทันตกรรมใดๆ

การใช้ยา Escitalopram ในหญิงมีครรภ์

มีผลการวิจัยที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติที่เกิดขึ้นในเด็กแรกคลอด หากมารดาได้รับยาในกลุ่ม SSRIs ในระหว่างตั้งครรภ์ โดยพบว่าเด็กมีความเสี่ยงที่จะเกิดกลุ่มอาการออติสติก หรือมีพัฒนาการล่าช้า อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาอื่นๆ ของยากลุ่ม SSRIs ยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัดในประเด็นนี้ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลต่อไป

เพื่อความปลอดภัย หากคุณกำลังตั้งครรภ์ วางแผนตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เนื่องจากยานี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ โดยเฉพาะเมื่อมารดารับประทานยา Escitalopram ในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด และยานี้สามารถไหลผ่านทางน้ำนมและเกิดผลเสียต่อทารกได้ การพิจารณาเลือกใช้ยา Escitalopram ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร จึงควรใช้เฉพาะในรายที่พิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อการรักษามากกว่าเกิดความเสี่ยงต่อทารกอย่างชัดเจน 

ยา Escitalopram ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจริงหรือ?

Escitalopram เป็นยารักษาโรคซึมเศร้าอีกตัวหนึ่งที่มีผลข้างเคียงทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะภาวะน้ำคั่งในร่างกาย ไม่ออกกำลังกาย หิวบ่อย กินจุขึ้น หรือปัจจัยอื่นๆ ของผู้ป่วยแต่ละรายร่วมด้วย ดังนั้น เพื่อรับมือกับปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่ม ในระหว่างที่รับประทานยา Escitalopram หรือยารักษาโรคซึมเศร้าตัวอื่นๆ ควรออกกำลังกายและควบคุมปริมาณอาหารพลังงานสูงที่รับประทานด้วย เช่น ไขมันสัตว์ อาหารจากนม เนย ครีมเทียม เป็นต้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Escitalopram

ผลข้างเคียงโดยทั่วไปที่สามารถพบได้จากการใช้ยา Escitalopram มีดังต่อไปนี้

ในกรณีที่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที 

  • รู้สึกตื่นกลัวง่าย
  • มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน
  • มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ความคิดสับสน
  • หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • มีความคิดฆ่าตัวตายหรือรู้สึกอยากตาย
  • มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลเกิดขึ้น หรืออาการที่เป็นอยู่แย่ลงกว่าเดิม
  • กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
  • มีอาการหวาดกลัวผิดปกติ (Panic)
  • นอนหลับไม่เพียงพอ นอนไม่หลับ
  • หงุดหงิดง่ายผิดปกติ
  • ขี้โมโหหรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว
  • มีอารมณ์แปรปรวนแบบบ้าคลั่ง
  • พูดมาก ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา
  • มีอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ

การใช้ยา Escitalopram ร่วมกับยาอื่นๆ

ยาหลายชนิดมีผลต่อการออกฤทธิ์ของ Escitalopram และยานี้ก็มีผลต่อยาตัวอื่นๆ เช่นกัน ดังนั้น หากคุณกำลังใช้ยาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยาที่หาซื้อตามร้านขายยา สมุนไพร และอาหารเสริมชนิดใดก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง

ตัวอย่างยาที่ทำปฏิกิริยากับ Escitalopram ได้แก่

  • สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St.John’s wort)
  • ยากลุ่ม MAOIs เช่น ไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) ฟีเนลซีน (Phenelzine) เซเลกิลีน (Selegiline)
  • กลุ่มยาบรรเทาปวด เช่น ทรามาดอล (Tramadol)
  • ยาในกลุ่ม SSRIs ตัวอื่นๆ เช่น ไซตาโลแพรม (Citalopram)
  • ยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin)
  • ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพร็อกเซน (Naproxen)
  • กลุ่มยาลดกรด เช่น ไซเมทิดีน (Cimetidine)
  • ยารักษาโรคอารมณ์แปรปรวน เช่น ลิเทียม (Lithium)
  • กลุ่มยากันชัก เช่น คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine)
  • ยารักษาโรคหัวใจบางชนิด เช่น ไดจ็อกซิน (Digoxin)
  • ยารักษาอาการไมเกรน เช่น อัลโมทริปแทน (Almotriptan) อีลีทริปแทน (Eletriptan) โฟรวาทริปแทน (Frovatriptan)
  • ยารักษาโรคซึมเศร้ากลุ่มอื่นๆ เช่น เดซิพรามีน (Desipramine)
  • ยานอนหลับและยาคลายกังวล เช่น ไตรอาโซแลม (Triazolam)
  • ยาต้านเชื้อเอชไอวีริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
  • ยาต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
  • ยาปฏิชีวนะลีเนโซลิด (Linezolid)

การใช้ยา Escitalopram ร่วมกับแอลกอฮอล์

คุณควรงดดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยา Escitalopram เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถลดประสิทธิภาพการรักษาด้านอารมณ์และการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้อาการแย่ลงได้ นอกจากนี้ ไม่ควรขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลในระหว่างที่รับประทานยา Escitalopram เนื่องจากตัวยาอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และส่งผลต่อความสามารถในการตัดสินใจ การใช้ความคิด และการเคลื่อนไหวของร่างกาย

ปริมาณการใช้ยา Escitalopram

Escitalopram มีวางจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดชนิดเคลือบ ปริมาณ 5 10 และ 20 มิลลิกรัม และในรูปแบบยาน้ำที่กำลังจะมีวางจำหน่าย โดยทั่วไปปริมาณสำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลจะอยู่ในช่วง 10-20 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปริมาณยาเริ่มต้นที่ 10 มิลลิกรัมต่อวัน หากการรักษาไม่ได้ผล แพทย์สามารถปรับเพิ่มปริมาณยาเป็น 20 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างน้อยภายใน 1 สัปดาห์

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

คุณสามารถรับประทานยานี้เพียงวันละครั้ง อาจเป็นเวลาเช้าหรือก่อนนอน และรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ เพราะอาหารไม่มีผลต่อประสิทธิภาพยาแต่อย่างใด หลังจากรับประทานยาติดต่อกันตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป จะเริ่มเห็นผลการรักษาของยาอย่างเต็มที่ คุณควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องถึงแม้อาการจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม ไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

การรับประทานยา Escitalopram เกินขนาด

การรับประทานยา Escitalopram เกินขนาดการรักษา อาจทำให้ได้รับผลข้างเคียงที่รุนแรง หากสังเกตเห็นอาการจากการใช้ยาเกินขนาดดังต่อไปนี้ คุณควรรีบไปพบแพทย์

  • ภาวะความดันโลหิตต่ำ
  • นอนไม่หลับ
  • วิงเวียนศีรษะ
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • มีอาการสั่น
  • ง่วงซึม
  • หัวใจเต้นเร็วหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ชักเกร็ง
  • ความคิดสับสน
  • ขี้ลืม
  • หายใจเร็ว
  • หมดสติ

การหยุดยาหรือลืมรับประทานยา Escitalopram

คุณไม่ควรหยุดรับประทานยา Escitalopram ทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการหยุดยาที่ถูกต้อง เพราะการหยุดกะทันหันอาจทำให้เกิดอาการถอนยา เช่น

  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
  • หงุดหงิดง่าย
  • กระวนกระวาย
  • ง่วงซึม
  • ชาหรือปวดเสียวปลายมือปลายเท้า
  • วิตกกังวล
  • ความคิดสับสน
  • ปวดศีรษะ
  • เหนื่อยง่าย
  • นอนไม่หลับ

หากคุณลืมรับประทานยา Escitalopram ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยามื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป แล้วรับประทานยาตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยามื้อถัดไปเป็น 2 เท่า

คำเตือนที่สำคัญของยา Escitalopram

  1. ควรระวังและสังเกตอาการ SEROTONIN SYNDROME จากการใช้ยาในกลุ่ม SSRIs ได้แก่อาการดังต่อไปนี้ สูญเสียการประสานงานกันของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อกระตุก แข็งเกร็ง สั่น หรือชัก  มีเหงื่อออกมาก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย หนาวสั่น ขนลุก สับสน กระสับกระส่าย กังวล หงุดหงิด หลอน  รูม่านตาขยาย หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตสูง หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบไปพบแพทย์
  2. ห้ามหยุดยานี้อย่างกะทันหัน เพราะจะทำให้เกิดอาการถอนยา ได้แก่อาการต่อไปนี้ ใจสั่น วิตกกังวล อารมณ์ไม่คงที่ พฤติกรรมการนอนเปลี่ยนไป ปวดหัว เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ มึนงง สับสน ดังนั้นการหยุดยาควรอยู่ในตวามดูแลของแพทย์ และต่อยๆ ลดปริมาณยาลงเป็นลำดับขั้น เพื่อป้องกันการเกิด อาการเหล่านี้
  3. เลือดออกไม่หยุด หากได้รับยานี้คู่กับยา Aspirin, NSAIDs, Warfarin เป็นต้น ดังนั้นควรแจ้งแพทย์ หรือเภสัชกรด้วยว่าท่านรับยาอะไรเป็นประจำบ้าง เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกริยาระหว่างยา 

ลักษณะเม็ดยา Escitalopram 

Lexapro (Escitalopram): ลักษณะเม็ดยา Lexapro

Lexapro ขนาด 10 มิลลิกรัม เป็นเม็ดยาเคลือบฟิล์ม รูปร่างกลม สีขาว

Lexapro ขนาด 20 มิลลิกรัม เป็นเม็ดยาเคลือบฟิล์ม รูปร่างกลม สีขาว

Lexapro ขนาด 5 มิลลิกรัม เป็นเม็ดยาเคลือบฟิล์ม รูปร่างกลม สีขาว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Escitalopram

คำถาม: Escitalopram มีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่

คำตอบ: ยา Escitalopram มีผลทำให้น้ำหนักตัวของเปลี่ยนแปลงไป โดยคุณอาจมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นหรือลดลงก็ได้ เช่นเดียวกับยาต้านซึมเศร้าหลายๆ ตัว ที่สามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วยกลไกที่แตกต่างกันออกไป ยาบางชนิดกระตุ้นให้มีความอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารพลังงานสูงพวกแป้งและไขมัน ยาบางชนิดก็ทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารเกิดขึ้นช้าลงหรือทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม ผลของยาต่อน้ำหนักตัวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน ยาบางชนิดที่ปกติไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว กลับมีผลให้น้ำหนักตัวของบางคนเพิ่มหรือลดลง และบางคนก็มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แต่บางคนมีน้ำหนักตัวลดลง ยาบางชนิดทำให้น้ำหนักตัวลดลงเมื่อเริ่มต้นใช้ยา แต่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยส่วนใหญ่ผลของยาที่ทำให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไปจะออกฤทธิ์ผ่านระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งรวมถึงกลุ่มยารักษาโรคซึมเศร้า เช่น กลุ่มยา Monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) กลุ่มยา Tricyclic antidepressants และกลุ่มยา Selective serotonin reuptake inhibitors (SSRIs) 

นอกจากนี้ กลุ่มยารักษาโรคอารมณ์แปรปรวน เช่น ลิเทียม และกรดวาลโปรอิก กลุ่มยารักษาโรคจิตเภท และกลุ่มยากันชัก ก็มีผลทำให้หนักเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน สำหรับยาอื่นๆ ที่มีรายงานว่าสามารถทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม ได้แก่ ยารักษาโรคเบาหวานอย่างอินซูลิน ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas) และไพโอกลิตาโซน (Pioglitazone) ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาฮอร์โมนคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์ ยาต้านฮิสทามีน ยาเคมีบำบัดบางตัว ยาต้านเชื้อเอชไอวีกลุ่มโปรตีเอส อินฮิบิเตอร์ (Protease inhibitors) หากคุณสงสัยว่ายาที่กำลังใช้อยู่มีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและคุณเป็นกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป

คำถาม: หากคุณหยุดรับประทานยา Escitalopram ทันทีจะเกิดอาการถอนยาขึ้นหรือไม่ มีอาการเป็นอย่างไร

คำตอบ: หากคุณต้องการหยุดรับประทานยา Escitalopram ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเหตุผลที่ต้องการหยุดยา แล้วร่วมกันวางแผนปรับลดปริมาณยากับแพทย์ผู้รักษา การปรับลดปริมาณยาอาจทำโดยหักแบ่งเม็ดยา หรือปรับวิธีการใช้ยาทีละขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายเดือนและทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย การลดปริมาณยาลงทีละน้อยๆ จะทำให้ระดับสารเซโรโทนินจากยาปรับตัวเข้าสู่การผลิตสารสื่อประสาทเซโรโทนินของร่างกายจนสามารถหยุดยาได้

หากหยุดใช้ยานี้โดยทันทีคุณอาจมีอาการข้างเคียง เช่น อาการคล้ายไข้หวัด นอนไม่หลับ ปวดท้อง ชาปลายมือปลายเท้า ง่วงซึม และรู้สึกสับสน ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วง 1-10 วันแรกหลังจากหยุดยา Escitalopram  ดังนั้น การลดปริมาณยาควรอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อติดตามอาการของโรค อาการข้างเคียงจากยา และป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังจากหยุดยา เช่น อาการชัก เป็นต้น

คำถาม: ทำอย่างไรเมื่อเกิดอาการถอนยา Escitalopram

คำตอบ: การรักษาอาการถอนยาไม่มีแนวทางปฏิบัติชัดเจน แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยในการหยุดยานั้นจะต้องปรับการรักษาอย่างช้าๆ และใช้เวลานานหลายเดือน เพื่อไม่ให้เกิดอาการผิดปกติเมื่อหยุดยา อาการถอนยาจากกลุ่มยารักษาโรคซึมเศร้ามีทั้งอาการทางกาย ได้แก่ เดินเซ เสียการทรงตัว ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร มีอาการคล้ายไข้หวัด ปัญหาเกี่ยวกับระบบปลายประสาท และนอนไม่หลับ ส่วนอาการทางจิต ได้แก่ วิตกกังวล ซึ่งอาจจะมีอาการกระวนกระวายร่วมด้วย ซึมเศร้า ร้องไห้ หงุดหงิด และมีพฤติกรรมก้าวร้าว 

คำถาม: รับประทานยา Escitalopram ก่อนนอนได้หรือไม่ และสามารถรับประทานร่วมกับตัวยาไดเฟนไฮดรามีน ยากลุ่มเบตาบล็อกเกอร์ และตัวยา Advair ได้หรือไม่

คำตอบ: คุณสามารถรับประทานยา Escitalopram ในเวลาก่อนนอนได้ โดยรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน หากจำเป็นต้องใช้ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ร่วมกับยา Escitalopram ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา และหากจำเป็นต้องใช้ยาพ่น  Advair ซึ่งเป็นสูตรผสมระหว่างฟลูติคาโซน (Fluticasone) และซาลเมเทอรอล (Salmeterol) ร่วมกับยา Escitalopram แนะนำให้พ่นยา Advair ในตอนเย็น และรับประทานยา Escitalopram ก่อนนอน รวมทั้งไม่ควรใช้ยาหรือสมุนไพรอื่นๆ ในระหว่างนี้โดยไม่ปรึกษาแพทย์ 

คำถามอาการไม่พึงประสงค์จากยา Escitalopram มีอะไรบ้าง

คำตอบ: Escitalopram เป็นยาในกลุ่ม SSRIs ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวล อาการข้างเคียงในผู้ใหญ่ที่พบได้บ่อย เช่น คลื่นไส้ นอนหลับยาก อาการหลั่งช้าในเพศชาย อ่อนเพลียและง่วงซึม เหงื่อออกมากกว่าปกติ ความต้องการทางเพศลดลง และอาการไม่ถึงจุดสุดยอดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และยังมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบได้ หากเกิดอาการข้างเคียงจากยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

คำถามเริ่มรับประทานยา Escitalopram 5 มิลลิกรัม เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว แต่มีอาการซึมเศร้าแย่ลงกว่าตอนแรก ควรใช้ยานี้ต่อไปหรือไม่

คำตอบ: ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลบางรายที่เริ่มต้นใช้ยาในสัปดาห์แรกอาจพบว่าอาการของตัวเองแย่ลงหรือมีความคิดฆ่าตัวตาย หากคุณมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นให้รีบไปพบแพทย์เป็นอันดับแรก ทั้งนี้ การพิจารณาเลือกใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายอาจต้องใช้ระยะเวลา เพื่อหายาที่มีประสิทธิภาพที่สุด และผู้ป่วยสามารถทนต่ออาการข้างเคียงจากยาได้

คำถาม: หากรับประทานยา Escitalopram ทุกวัน เป็นเวลานานมากกว่า 1 ปี แต่ยังมีอาการซึมเศร้าหลงเหลืออยู่ และตัวยา Escitalopram ทำให้รู้สึกหิวตลอดเวลา ฉันควรทำอย่างไร

คำตอบ: ยารักษาโรคซึมเศร้าหลายชนิดในกลุ่มเดียวกับยา Escitalopram มีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มได้ทุกตัว แต่จากการศึกษาพบว่าตัวยาพาร็อกซีทีน (Paroxetine) ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้มากที่สุด เนื่องจากยารักษาโรคซึมเศร้าจะทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น ผู้ป่วยจึงควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อป้องกันน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและปัญหาสุขภาพอื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว หลังรับประทานยารักษาโรคซึมเศร้าประมาณ 4-6 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลของยา แต่หากอาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้น แพทย์มักจะพิจารณาเปลี่ยนตัวยาให้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจประเมินปรับเปลี่ยนการรักษาต่อไป  

คำถาม: Escitalopram ทำให้รอบประจำเดือนผิดปกติหรือไม่

คำตอบ: อาการข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้ Escitalopram ได้แก่ ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะ นอนหลับยาก ท้องไส้ปั่นป่วนหรือคลื่นไส้ เหงื่อออกมากกว่าปกติ ปากแห้ง และมีความต้องการทางเพศลดลง นอกจากนี้ เคยมีรายงานว่าผู้ป่วยหญิงที่รับประทานยานี้มีรอบประจำเดือนผิดปกติได้ด้วย

คำถาม: หลังจากรับประทานยา Escitalopram ผ่านมา 5 วัน มีอาการปวดศีรษะอย่างมาก อยากทราบว่าอาการจะดีขึ้นเมื่อไร และควรรับประทานยาอะไรเพื่อลดอาการปวดศีรษะ

คำตอบ: มีรายงานข้อมูลพบว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ได้รับยามีอาการปวดศีรษะ โดยอาการจะดีขึ้นเมื่อรับประทานยาไปแล้วหลายสัปดาห์ หากอาการปวดศีรษะของคุณยังไม่ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม ไม่ควรหยุดใช้ยาด้วยตัวเอง เพราะการหยุดยา Escitalopram โดยทันทีจะทำให้เกิดอาการถอนยา และอาจทำให้อาการของโรคแย่ลงได้ในบางราย

คำถาม: เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาฉันหยุดรับประทานยา Escitalopram เนื่องจากมีปัญหาทางด้านการเงินและประกันชีวิต แต่ฉันยังคงมีอาการหวาดกลัววิตกกังวลอยู่บ้าง มียาราคาที่ถูกกว่า สำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือไม่

คำตอบ: ราคาค่ายาตามร้านต่างๆ นั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้ค้าส่งหรือร้านขายยารายย่อย ราคาขายปลีกที่มาจากตัวแทนจำหน่ายยาถึงผู้บริโภค เป็นราคาที่ถูกบวกเพิ่มจากราคาขายส่ง หคุณอาจปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกหรือเภสัชกรร้านขายยาใกล้บ้าน เพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยแพทย์อาจเลือกตัวยาจากบริษัทที่ราคาถูกกว่า หรือเลือกตัวยาอื่นๆ ที่อยู่กลุ่มเดียวกับยา Escitalopram นอกจากนี้ แพทย์สามารถพิจารณาว่ามีการรักษาอื่นที่เหมาะสมกับคุณหรือไม่ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้าน

คำถาม: ฉันรับประทานยา Escitalopram มาประมาณ 1 สัปดาห์ และยังรู้สึกคลื่นไส้ในบางครั้ง ควรทำอย่างไรเพื่อให้อาการดีขึ้น

คำตอบ: หากอาการคลื่นไส้ยังไม่ดีขึ้น หรือรุนแรงมากขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม หากแพทย์พิจารณาเลือกยาตัวใหม่ คุณควรแจ้งประวัติการใช้ยาต่างๆ ให้แพทย์ทราบ รวมทั้งยาที่หาซื้อมาใช้เอง อาหารเสริม วิตามินเกลือแร่ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สมุนไพร หรือแม้กระทั่งอาหารที่รับประทาน ควรรวบรวมและทบทวนข้อมูลการใช้ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมด ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์หรือเภสัชกร และนำข้อมูลดังกล่าวให้เภสัชกรเก็บบันทึกเป็นประวัติการใช้ยาอย่างสมบูรณ์ เพื่อเป็นข้อมูลตรวจสอบการทำปฏิกิริยาของยา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้ 

คำถาม: ฉันกำลังเข้ารับการรักษาในศูนย์บำบัดอาการติดเหล้า และรับประทานยา Escitalopram ต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปี จนอาการดีขึ้นมาก ฉันเข้าใจว่าต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง แต่การใช้ยาระยะยาวจะมีอันตรายหรือไม่

คำตอบ: จากข้อมูลทางการแพทย์ ไม่พบรายงานปัญหาการใช้ยา Escitalopram ในระยะยาว โดยผู้ป่วยจำนวนมากที่รับประทานยากลุ่ม SSRIs เป็นระยะเวลายาวนานหลายปี ไม่ได้รับผลกระทบหรืออันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด อาการข้างเคียงที่พบโดยส่วนใหญ่ของยา Escitalopram ได้แก่ อาการอยู่ไม่นิ่ง ปวดศีรษะ ขาดสมาธิ ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะ นอนไม่หลับ คลื่นไส้ ท้องเสีย น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง มีเสียงในหู ปากแห้ง ความต้องการทางเพศลดลง และไม่ถึงจุดสุดยอดของความรู้สึกทางเพศ 


10 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Lexapro (Escitalopram Oxalate): Uses, Dosage, Side Effects, Interactions, Warning. RxList. (https://www.rxlist.com/lexapro-drug.htm)
Prozac vs. Lexapro: What to Know About Each. Healthline. (https://www.healthline.com/health/depression/prozac-lexapro)
Lexapro (escitalopram): SSRI Side Effects, Dosage & Withdrawal. MedicineNet. (https://www.medicinenet.com/escitalopram/article.htm)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน ผู้อ่านไม่ควรเลือกใช้ยาเองจากการอ่านบทความ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพราะแต่ละท่านอาจมีสาเหตุของโรค โรคประจำตัว และประวัติการรักษาที่ต่างกัน ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)